แชร์

การยื่นเพิกถอนผู้จัดการมรดก เป็นวิธีการที่ดีหรือไม่ ?

อัพเดทล่าสุด: 14 ส.ค. 2025
204 ผู้เข้าชม
                   บางครั้งการเพิกถอนผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลนั้น      อาจจะไม่มีผลดีต่อทายาท   ผู้ร้องขอให้เพิกถอนผู้จัดการมรดกก็เป็นไปได้เช่นกัน
                   ก่อนอื่นผมอยากจะทำความเข้าใจก่อนว่า  สิทธิในการรับมรดก กับ การยื่นคำร้องเพิกถอนผู้จัดการมรดก  นั้น มีความแตกต่างกัน  และใช้กฎหมายคนละบทมาตรากัน  แม้จะเป็นเรื่องการคดีมรดกก็ตาม
                   เมื่อเข้าใจแล้วว่า มีความแตกต่างกัน  และใช้กฎหมายแตกต่างกัน   อย่างนี้  ขั้นตอนต่อไป  เมื่อไรควรจะดำเนินการด้วยวิธีการอะไร  จึงเป็นข้อสำคัญในการปรึกษากับทนายความของท่าน
                     กรณีที่ผู้จัดการมรดกต้องถูกร้องขอให้เพิกถอนมรดก  มีกรณีอย่างไรบ้าง  การร้องขอเพิกถอนมรดก  เป็นเหตุสำคัญในประเด็นแห่งคดี   และทายาทต้องมีพยานหลักฐานในการร้องขอให้เพิกถอนผู้จัดการมรดก  มิฉะนั้น จะทำให้เกิดความเสียหายในอนาคต และทำให้เสียเวลา  ทำให้เกิดเหตุขัดข้องในการจัดการแบ่งปันมรดกแก่ทายาท โดยไม่จำเป็น และอาจทำให้ถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไปได้เช่นกัน
                    กรณีที่ร้องขอเพิกถอนผู้จัดการมรดก เป็นกรณีที่ผู้จัดการมรดกนั้นทุจริตต่อกองมรดก ด้วยการยักยอกทรัพย์มรดก   แม้ว่าคดีอาญาจะขาดอายุความหรือไม่ ในข้อหายักยอก แต่เป็นประเด็นสำคัญในการทำให้ทายาทเกิดความเสียหายแล้ว  และยังมีกรณีที่ผู้จัดการมรดกไม่สามารถดำเนินการได้  หรือผู้จัดการมรดกไม่ประสงค์ดำเนินการต่อไปแล้ว  โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือบันทึกถ้อยคำต่อหน้าทายาท  อย่างนี้สามารถขอเพิกถอนผู้จัดการมรดกได้  
                     การเป็นผู้จัดการมรดก หรือไม่  ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนแบ่งในมรดกของทายาทตามกฎหมายแต่อย่างใด   ส่วนแบ่งมรดกของทายาท เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา  1629 วรรคาแรก และวรรคท้าย   และทายาทอาจสูญเสียสิทธิในการรับมรดกได้  กรณีถูกตัดมิให้รับมรดก  สละสิทธิรับมรดก  ถูกกำจัดมิให้รับมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1606  ในกรณีเป็นผู้ไม่สมควร เป็นต้น    ส่วนแบ่งในการรับมรดกของทายาท เป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว   แม้ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกก็ตาม
                     ดังนั้น  ก่อนจะยื่นเพิกถอนผู้จัดการมรดก ต้องพิจารณาทางออกตามกฎหมายเป็นสำคัญด้วย   เพื่อไม่ให้เสียหายต่อทรัพย์สิน และเวลาในการดำเนินการ  จะต้องปรึกษาทนายความก่อนเสมอ  และควรถามผลได้ผลเสียในการดำเนินการด้วย  เพื่อตรวจสอบความคุ้มค่าในการดำเนินการ  และที่สำคัญ ต้องใช้พยานหลักฐานอะไรบ้าง   เนื่องจากการยื่นคำคู่ความต่อศาลน้้นต้องไปตามข้อกฎหมายโดยเคร่งครัด หากดำเนินการตามกฎหมายแล้ว  กฎหมายย่อมคุ้มครองผู้นั้นด้วยเช่นกัน

จัดทำโดย

ทนายความตรีสุพจน์ ตันตยาภิรมย์กุล

#ทนายความ #ทนายความตรีสุพจน์ ตันตยาภิรมย์กุล #คดีมรดกและผู้จัดการมรดก


บทความที่เกี่ยวข้อง
เหตุฟ้องหย่าเพราะถูกทำร้ายร่างกาย  ได้หรือไม่ ?
การที่คู่สมรสตามกฎหมาย แล้วภายหลังที่อยู่กินกันฉันสามีภริยา มีเหตุทำให้ทะเลาเบาะแว้งกัน จนทำให้มีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น เหล่านี้ เป็นเหตุเพียงพอให้ฟ้องหย่า และเรียกร้องค่าเสียหายได้หรือไม่ และจะเรียกค่าเสียหายได้จำนวนเท่าไร?
8 ก.ย. 2025
การยื่นจัดการมรดกของต่างชาติ ที่มีถินที่อยู่ในประเทศไทย  ต้องดำเนินการอย่างไร ?
การที่ต่างชาตินั้นเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ไม่มีว่าจะเข้าประกอบกิจการ หรือเข้ามาสมรสกับคนไทย ซึ่งอยู่อาศัยด้วยกันในประเทศไทย เมื่อมีเหตุจำเป็นต้องวางแผนการจัดการทรัพย์สินของต่างชาติ ภายหลังชีวิตแล้ว จะมีการดำเนินการอย่างไร และต่างชาติสามารถทำพินัยกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินอย่างไร ได้บ้างตามกฎหมายของประเทศไทย
6 ก.ย. 2025
ข้อบังคับการทำงานระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง มีความสำคัญอย่างไร?
เมื่อนายจ้างมีสถานประกอบกิจการ และมีการรับลูกจ้างพนักงานเข้าทำงาน ตามสัญญาจ้างแรงงานแล้ว บางครั้งการจะระบุข้อกำหนด หรือข้อตกลง อันเป็นรายละเอียดในการทำงานระหว่างนายจ้างและลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงานย่อมกระทำได้ยาก และจะเป็นการวุ่นวายมาก อาจทำให้สัญญาจ้างแรงงานนั้นมีจำนวนหลายหน้าและมีความสลับซับซ้อนในการจ้างแรงงานได้ ถ้าแยกสัญญาจ้างแรงงานและข้อบังคับการทำงาน เป็นเอกสารคนละชุดกัน ย่อมเป็นประโยชน์ในการจ้างแรงงานได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง
6 ก.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy