การเลิกจ้างลูกจ้างไม่เป็นธรรม และเป็นผิดกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เป็นอย่างไร?
อัพเดทล่าสุด: 4 ก.ย. 2025
19 ผู้เข้าชม
เมื่อลูกจ้างถูกนายจ้างละเมิดลูกจ้างในที่ทำงาน ซึ่งนายจ้างไม่ได้ดำเนินการกฎหมายซึ่งคุ้มครองฝ่ายลูกจ้าง เช่นการบีบให้ลูกจ้างไม่สามารถทนทำงานต่อไปได้ ด้วยวิธีการต่างๆ กดดันให้ลูกจ้างยอมรับข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายลูกจ้าง
การลดตำแหน่งงานโดยไม่คำนึงถึงสัญญาจ้างแรงงานเดิม ทำให้ฝ่ายลูกจ้างเสียเปรียบ การลดเงินเดือน ลดรายได้ฝ่ายลูกจ้าง กรณีที่ฝ่ายนายจ้างฝ่าฝืนสัญญาจ้างแรงงานเดิม
ต่างๆเหล่านี้ เป็นการกระทำที่ทำให้ฝ่ายลูกจ้างเสียเปรียบ และได้รับความเสียหาย เป็นข้อพิพาทในคดีแรงงาน ฝ่ายลูกจ้างซึ่งเป็นฝ่ายถูกถูกโต้แย้งสิทธิ สามารถยื่นฟ้องนายจ้างต่อศาลแรงงาน ได้ตามกฎหมาย
ข้อพิพาทแรงงานในทางแพ่งนั้น ไม่สามารถแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ ไม่อยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด
หากฝ่ายนายจ้างฝ่าฝืนสัญญาจ้างแรงงาน โดยไม่มีสอบสวนของนายจ้าง ไม่มีการปฏิบัติตามข้อบังคับการทำงาน ไม่ให้ฝ่ายลูกจ้างมีโอกาสชี้แจงก่อนตามกฎหมาย ย่อมเป็นการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายแรงงานทันทีเช่นกัน
การเรียกลูกจ้างมาคุย โดยไม่เป็นไปตามข้อบังคับการทำงาน ย่อมเป็นการกดดันลูกจ้างไม่ให้ทนทำงานต่อไปได้เช่นกัน
การกระทำโดยฝ่าฝืนกฎหมายแรงงาน นั้นไม่เป็นผลดีกับนายจ้างและลูกจ้าง และสร้างความเสียหายต่อลูกจ้าง ฝ่ายลูกจ้างย่อมเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆจากการทำที่ฝ่ายนายจ้างฝ่าฝืนกฎหมายแรงงานด้วย
ดังนั้น ทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในอนาคต และสามารถป้องกันข้อพิพาทคดีแรงงานได้เช่นกัน
จัดทำโดย
ทนายความตรีสุพจน์ ตันตยาภิรมย์กุล
บทความที่เกี่ยวข้อง
การที่คู่สมรสตามกฎหมาย แล้วภายหลังที่อยู่กินกันฉันสามีภริยา มีเหตุทำให้ทะเลาเบาะแว้งกัน จนทำให้มีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น เหล่านี้ เป็นเหตุเพียงพอให้ฟ้องหย่า และเรียกร้องค่าเสียหายได้หรือไม่ และจะเรียกค่าเสียหายได้จำนวนเท่าไร?
8 ก.ย. 2025
การที่ต่างชาตินั้นเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ไม่มีว่าจะเข้าประกอบกิจการ หรือเข้ามาสมรสกับคนไทย ซึ่งอยู่อาศัยด้วยกันในประเทศไทย เมื่อมีเหตุจำเป็นต้องวางแผนการจัดการทรัพย์สินของต่างชาติ ภายหลังชีวิตแล้ว จะมีการดำเนินการอย่างไร และต่างชาติสามารถทำพินัยกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินอย่างไร ได้บ้างตามกฎหมายของประเทศไทย
6 ก.ย. 2025
เมื่อนายจ้างมีสถานประกอบกิจการ และมีการรับลูกจ้างพนักงานเข้าทำงาน ตามสัญญาจ้างแรงงานแล้ว บางครั้งการจะระบุข้อกำหนด หรือข้อตกลง อันเป็นรายละเอียดในการทำงานระหว่างนายจ้างและลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงานย่อมกระทำได้ยาก และจะเป็นการวุ่นวายมาก อาจทำให้สัญญาจ้างแรงงานนั้นมีจำนวนหลายหน้าและมีความสลับซับซ้อนในการจ้างแรงงานได้ ถ้าแยกสัญญาจ้างแรงงานและข้อบังคับการทำงาน เป็นเอกสารคนละชุดกัน ย่อมเป็นประโยชน์ในการจ้างแรงงานได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง
6 ก.ย. 2025